พระบรมราโชวาท

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันศุกร์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๓๕



สำนักกฎหมาย เจที ลอว์ ทนายความ


ปรึกษากฎหมาย ทนายความเชียงใหม่ ทนายความลำพูน ทนายความลำปาง และรับว่าความทั่วราชอาณาจักร

ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ


งานบริการของสำนักงาน

ให้ความช่วยเหลือทางด้านคดีความทั้งในคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีอื่นๆ ในชั้นต่างๆ ดังนี้

1.ปรึกษากฎหมาย
ให้คำปรึกษาทางด้านคดีความ กฎหมาย เพื่อให้ทราบถึงข้อกฎหมาย หรือหลักเกณฑ์ต่างๆทางด้านกฎหมาย

2.ชั้นไกล่เกลี่ย
ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ 2 ฝ่ายขึ้นไป โดยอาจจะทราบหรือไม่ทราบในข้อกฎหมาย แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถที่จะตกลงกันได้เอง และมีความต้องการให้ทนายความช่วยในการไกล่เกลี่ยเรื่องราว

3.ชั้นตำรวจ
ในกรณีที่เรื่องราว คดีความ ดำเนินไปถึงชั้นตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเพียงคดีแพ่งแต่มีการไกล่เกลี่ยที่ชั้นตำรวจ หรือเป็นคดีอาญาที่ต้องมีการดำเนินการทั้งกฎหมาย ทั้งการให้การในชั้นตำรวจ ในฐานะผู้เสียหาย ผู้ต้องหา พยาน หรือการประกันตัวในชั้นตำรวจ

4.ชั้นพนักงานอัยการ
ในกรณีที่คดีอาญามีการดำเนินการจนไปถึงชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งอยู่ระหว่างที่พนักงานอัยการพิจารณาสำนวนว่าจะสั่งฟ้อง หรือไม่ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ให้การเพิ่มเติม ยื่นประกันตัว

5.ชั้นศาล
5.1 ศาลชั้นต้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีความต้องการจะฟ้องคดีต่อศาลในฐานโจทก์/ผู้เสียหาย หรือถูกฟ้องเป็นจำเลยทั้งในคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีอื่นๆ มีความต้องการที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดี หรือได้รับหมายเรียกให้ไปให้การเป็นพยานในชั้นศาล
5.2 ศาลชั้นอุทธรณ์ ในกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว แต่คู่ความไม่พอใจคำพิพากษาของศาล และมีความต้องการอุทธรณ์เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาแก้ไข เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
5.3 ศาลชั้นฎีกา ในกรณีที่ศาลชั้นอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาออกแล้ว แต่คู่ความไม่พอใจคำพิพากษา มีความประสงค์จะขออนุญาต และทำการยื่นฎีกาต่อศาล

6.ชั้นบังคับคดี
ในกรณีที่คดีได้ถึงที่สุดไปแล้ว และอยู่ระหว่างที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ทั้งในคดีแพ่ง และคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจทก์ จำเลย หรือบุคคลภายนอกซึ่งมีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนั้น

7.การรื้อฟื้นคดี
ในกรณีที่คดีได้ถึงที่สุดไปแล้ว แต่มีพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งหากได้ปรากฎในชั้นศาลตั้งแต่แรก จะทำให้ผลแพ้ชนะของคดีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และมีความต้องการให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่

ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่

ติดต่อทนายความ โทร.094-506-66-55



วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คดีลักทรัพย์ที่ยอมความและถอนคำร้องทุกข์ได้

 

คดีลักทรัพย์ที่ยอมความและถอนคำร้องทุกข์ได้

.

     คดีลักทรัพย์ที่ยอมความและถอนคำร้องทุกข์ได้

.

     ปกติแล้วคดีอาญาจะแบ่งเป็นสองประเภท คือความผิดต่อส่วนตัว และความผิดที่เป็นอาญาแผ่นดิน ซึ่งในที่นี้ จะพูดถึงการดำเนินคดีอาญาโดยการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ในคดีความผิดต่อส่วนตัว หากผู้เสียหายมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว และต่อมาภายหลังมีความประสงค์จะยอมความหรือถอนคำร้องทุกข์ ก็สามารถแสดงเจตนายอมความหรือถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้

     แต่หากเป็นคดีอาญาที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน หากมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนไปแล้ว แม้ภายหลังผู้ร้องทุกข์จะมีความประสงค์ยอมความหรือมีความประสงค์จะถอนคำร้องทุกข์ ก็ไม่อาจทำได้ หมายความว่า คดีอาญาในความผิดต่อแผ่นดินนั้น ภายหลังหลังจากที่มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีไปแล้ว จะต้องมีการดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดส่วนข้อเท็จจริงที่ผู้เสียหายไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปแล้วนั้น ก็จะเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งที่จะใช้ประกอบเป็นเหตุบรรเทาโทษ

     แต่คดีลักทรัพย์บางกรณีที่แม้จะเป็นอาญาแผ่นดินก็ยังสามารถยอมความ และถอนคำร้องทุกข์ได้ ถ้าหากเขาเงื่อนไขตามข้อกฎหมาย นั่นก็คือถ้าความผิดฐานลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นกรณีที่พ่อแม่กระทำต่อลูก หรือลูกกระทำต่อพ่อแม่ หรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกระทำต่อกัน ก็เป็นคดีลักทรัพย์อาญาแผ่นดินที่สามารถยอมความกันได้

***********

.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2568

.

     ความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดที่ระบุไว้ใน ป.อ. มาตรา 71 วรรคสอง บัญญัติว่า ความผิดดังกล่าวถ้าเป็นการกระทำที่ผู้สืบสันดานกระทำต่อผู้บุพการี แม้กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ มาด้วย แต่มาตรา 336 ทวิ เป็นบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดอาญา มาตรา 335 ต้องระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง หาใช่เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากจากบทมาตราดังกล่าวไม่ การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จึงเข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 71 วรรคสอง แล้ว เมื่อผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ในส่วนข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะสำหรับจำเลยที่ 1 แล้ว สิทธิการนำคดีอาญาในความผิดฐานดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นอันระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) และการที่ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ย่อมเป็นผลให้คำขอในส่วนแพ่งสำหรับความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะที่โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย 950 บาท ตกไปด้วย แม้จำเลยที่ 1 มิได้หยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
.

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

.

ประมวลกฎหมายอาญา 

.

     มาตรา ๗๑  ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๓๔ ถึงมาตรา ๓๓๖ วรรคแรก และมาตรา ๓๔๑ ถึงมาตรา ๓๖๔ นั้น ถ้าเป็นการกระทำที่สามีกระทำต่อภริยา หรือภริยากระทำต่อสามี ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ

     ความผิดดังระบุมานี้ ถ้าเป็นการกระทำที่ผู้บุพการีกระทำต่อผู้สืบสันดาน ผู้สืบสันดานกระทำต่อผู้บุพการี หรือพี่หรือน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกระทำต่อกัน แม้กฎหมายมิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ และนอกจากนั้น ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

.

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีอาญา

.

     มาตรา ๓๙  สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ดังต่อไปนี้

(๑) โดยความตายของผู้กระทำผิด

(๒) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์ ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย

(๓) เมื่อคดีเลิกกันตามมาตรา ๓๗

(๔) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง

(๕) เมื่อมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น

(๖) เมื่อคดีขาดอายุความ

(๗) เมื่อมีกฎหมายยกเว้นโทษ

.

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม

.

** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร


วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568

การยื่นคำร้องตั้งผู้จัดการมรดกต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง




การยื่นคำร้องตั้งผู้จัดการมรดกต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

.

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบมรณบัตร ของเจ้ามรดก*

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบมรณบัตร(กรณีเสียชีวิต) ของบิดาและมารดาเจ้ามรดก

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบสำคัญการสมรส ใบมรณบัตร(กรณีเสียชีวิต) ของคู่สมรสของเจ้ามรดก

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ของบุตรเจ้ามรดก

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก**

          -เอกสารทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก เช่น โฉนดที่ดิน คู่มือเล่มจดทะเบียนรถ บัญชีเงินฝาก เป็นต้น

          -บัญชีเครือญาติ

          -หนังสือยินยอมของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกในการยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก

.

หมายเหตุ

          *เจ้ามรดก หมายถึง ผู้ตายซึ่งมีทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาท

          **ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก หมายความถึง ทายาทโดยธรรม และ ผู้รับพินัยกรรม

          ***ทายาทโดยธรรม ได้แก่ ผู้สืบสันดาน บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา หากมีทายาทโดยธรรมลำดับก่อนอยู่ ลำดับหลังไม่มีสิทธิได้รับมรดก

.

******************************************

.

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

          มาตรา ๑๖๐๓  กองมรดกย่อมตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายหรือโดยพินัยกรรม

          ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมาย เรียกว่า “ทายาทโดยธรรม”

          ทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม เรียกว่า “ผู้รับพินัยกรรม”

.

          มาตรา ๑๖๒๙  ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น และภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๑๖๓๐ วรรค ๒ แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดังต่อไปนี้ คือ

          (๑) ผู้สืบสันดาน

          (๒) บิดามารดา

          (๓) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน

          (๔) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน

          (๕) ปู่ ย่า ตา ยาย

          (๖) ลุง ป้า น้า อา

          คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรม ภายใต้บังคับของบทบัญญัติพิเศษแห่งมาตรา ๑๖๓๕

.

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม

.

** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร


วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ทำไมต้องคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร

 

ทำไมต้องคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร

.

          ทำไมต้องยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร?

          ในกรณีที่บุตรเกิดมาจากชายและหญิงที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน บุตรจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายหญิงเท่านั้น ส่วนฝ่ายชายแม้จะเป็นบิดาที่แท้จริง แต่ตามกฎหมายก็ยังไม่ใช่บิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย

.

          การเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายมีผลอย่างไร?

          การเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร และเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรด้วย

.

          ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร และเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรคืออะไร?

          ยกตัวอย่างเช่น ก็จะทำให้มีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตร เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นได้ หรือหากบุตรจะทำนิติกรรมใดๆ ก็ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมเสียก่อน

----------------------------------------------------------------------------------

.

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา ๑๙  บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์

.

มาตรา ๒๑  ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใด ๆ ต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใด ๆ ที่ผู้เยาว์ได้ทำลงปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

.

มาตรา ๑๕๔๖  เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้มีการสมรสกับชาย ให้ถือว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้น เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

.

มาตรา ๑๕๔๗  เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร

.

มาตรา ๑๕๔๘  บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก

          ในกรณีที่เด็กและมารดาเด็กไม่ได้มาให้ความยินยอมต่อหน้านายทะเบียนให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนของบิดาไปยังเด็กและมารดาเด็ก ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านหรือไม่ให้ความยินยอมภายในหกสิบวันนับแต่การแจ้งนั้นถึงเด็กหรือมารดาเด็ก ให้สันนิษฐานว่าเด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอม ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กอยู่นอกประเทศไทยให้ขยายเวลานั้นเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบวัน

          ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล

          เมื่อศาลได้พิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ และบิดาได้นำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนให้

.

มาตรา ๑๕๖๖  บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดา

          อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดาในกรณีดังต่อไปนี้

(๑) มารดาหรือบิดาตาย

(๒) ไม่แน่นอนว่ามารดาหรือบิดามีชีวิตอยู่หรือตาย

(๓) มารดาหรือบิดาถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ

(๔) มารดาหรือบิดาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะจิตฟั่นเฟือน

(๕) ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดา

(๖) บิดาและมารดาตกลงกันตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ตกลงกันได้

.

มาตรา ๑๕๖๗  ผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิ

(๑) กำหนดที่อยู่ของบุตร

(๒) ทำโทษบุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน

(๓) ให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป

(๔) เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

.

มาตรา ๑๕๖๙  ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ในกรณีที่บุตรถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ผู้ใช้อำนาจปกครองย่อมเป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี

.

.

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม

.

** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566

ฟ้องคดีเงินกู้ ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง

 

ฟ้องคดีเงินกู้ ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง

          อย่างแรกเลย ก็ต้องถามก่อนว่า กู้ยืมเงินกันไปกี่บาท

          เหตุผลที่ต้องถามนั้น ก็เพราะ จำนวนเงินที่กู้ยืมกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่จำเป็นในการตอบคำถาม

          เพราะถ้าการกู้ยืมเงินไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท ในแง่ของหลักฐานแห่งการกู้มยืมเงินเป็นหนังสือนั้น ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้

          แต่ถ้าหาก มีการกู้ยืมเงินกันกว่า ๒,๐๐๐ บาท ขึ้นไป จำเป็นต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมาฟ้องคดีด้วย

          แล้วคำว่า หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ มันคืออะไร

          จะเป็นสัญญาเงินกู้ทั่วๆไป ที่เราเคยเห็น หรือต้องทำขึ้นมาเฉพาะเจาะจง หรือต้องมีข้อความอะไรเป็นพิเศษหรือไม่

          คำตอบคำว่า มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะเป็นสัญญาเงินกู้ทั่วๆไปก็ได้ หรือจะให้ทนายความร่างขึ้นมาเฉพาะเจาะจง หรือไม่ก็ได้ หรือจะเป็นเพียงเศษกระดาษที่มีข้อความเขียนก็ได้เช่นกัน

          ขอเพียงว่าได้ทำเป็นหนังสือ หรือถ้าเราเข้าใจโดยทั่วไป ก็คือมีตัวอักษรอยู่ในกระดาษ โดยควรจะมีอักษร หรือข้อความปรากฏได้ความว่า ใครกู้ยืมเงินใครไปจำนวนกี่บาท และให้ผู้ที่กู้ยืมเงินลงชื่อตนเองไว้ ก็เป็นอันว่า คือ หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ซึ่งสามารถนำไปฟ้องคดีได้แล้ว

          ส่วนหลักฐานอื่น ก็เช่น หลักฐานการส่งมอบเงินให้แก่ผู้กู้ยืม , ข้อมูลผู้กู้ยืม เป็นต้น      

          นอกจากนี้ การคุยสนทนาทางไลน์ หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก็อาจจะเข้าความหมายของคำว่า หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

          คือ ถ้าทำความเข้าใจอย่างง่าย แม้ไม่มีหลักฐานเป็นแผ่นกระดาษที่มีข้อความกู้ยืมและลงลายมือชื่อไว้ แต่ถ้ามีข้อความทางโปรแกรมไลน์ ก็อาจใช้เป็นหลักฐานฟ้องคดีได้        ซึ่งในส่วนนี้ จะมีเขียนถึงในบทความอื่นต่อไป

 

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา ๖๕๓  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว

.

. 

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม

.

** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

 

วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2566

ฟ้องคดีเงินกู้ต้องเสียค่าขึ้นศาลเท่าไร

 

ฟ้องคดีเงินกู้ต้องเสียค่าขึ้นศาลเท่าไร


          ในส่วนค่าขึ้นศาลนั้น ส่วนมากก็จะคำนวณในอัตราร้อยละ ๒ บาท ทำความเข้าใจง่ายๆก็คือ ฟ้องเรียกเงิน ๑๐๐ บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาล ๒ บาท นั่นเอง


          สมมติว่าถ้าเราต้องการฟ้องลูกหนี้เงินกู้จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าขึ้นศาลร้อยละ ๒ ก็จะเท่ากับ ๒๐,๐๐๐ บาท


          แสดงว่าเราต้องเสียธรรมเนียมศาล หรือค่าขึ้นศาลส่วนนี้ให้แก่ศาลจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท


          แต่การเสียค่าขึ้นศาลนี้ ก็มิใช่จะเสียโดยการคำนวณร้อยละ ๒ ไปตลอด


          ยกตัวอย่างเช่น เราฟ้องลูกหนี้คดีเงินกู้ในจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท


          ถ้าคำนวณร้อยละ ๒ ของ ๓๐๐,๐๐๐ บาท จะเท่ากับ ๖,๐๐๐ บาท แต่ในการเสียค่าขึ้นศาลกรณีนี้ เราไม่จำต้องเสียค่าขึ้นศาล ๖,๐๐๐ บาท แต่อย่างใด  


          แต่จะเสียค่าขึ้นศาลเพียง ๑,๐๐๐ บาท เท่านั้น


          เหตุผลก็เพราะว่าตามกฎหมายแล้ว คดีที่เราฟ้อง ถ้าทุนทรัพย์หรือเงินที่เราฟ้องเรียกร้องไปนั้น ไม่เกินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท จะเสียค่าขึ้นเพียง ๑,๐๐๐ บาท เท่านั้น


          แต่ก็ไม่ใช่ว่า ถ้าเราฟ้องไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท แล้วเราต้องเสียค่าขึ้นศาล ๑,๐๐๐ บาท ไปตลอด


          เช่น ถ้าเราฟ้องคดีเงินกู้ ทุนทรัพย์เพียง ๔๐,๐๐๐ บาท คำนวณร้อยละ ๒ แล้ว จะเท่ากับจำนวน ๘๐๐ บาท  กรณีนี้ เราก็เสียค่าขึ้นศาลเพียง ๘๐๐ บาท เท่านั้น ไม่จำต้องเสีย ๑,๐๐๐ บาท แต่อย่างใด


          ก็หมายความว่า ถ้าเราฟ้องคดีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท เราก็เสียค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ ๒ แต่ถ้าเกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ก็เสียค่าขึ้นศาลเพียง ๑,๐๐๐ บาท เท่านั้น


          ทั้งนี้ ค่าขึ้นศาลที่เราจ่ายไป เราก็ยังมีโอกาสได้กลับคืนมาอีกด้วย บทนี้เพียงเท่านี้ก่อน ในส่วนอื่นจะเล่าในบทความอื่นต่อไปครับ

.

. 

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม

.

** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

 

 

วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566

ศาลนัดฟังคำพิพากษา ต้องทำอย่างไรบ้าง

 

ศาลนัดฟังคำพิพากษา ต้องทำอย่างไรบ้าง

                   นัดฟังคำพิพากษา เป็นขั้นตอนภายหลังจากที่คดีนั้นๆได้มีการสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว

                   นัดฟังคำพิพากษา คือ การที่ศาลนัดให้คู่ความในคดีมาฟังคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับคดีนั้นๆ ว่าศาลจะตัดสินข้อพิพาท หรือข้อโต้แย้งที่คู่กรณีได้ต่อสู้กัน ว่าจะให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะคดี และชนะอย่างไร หรือจะให้ฝ่ายที่แพ้คดีต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง

                   แล้วในวันฟังคำพิพากษา ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

                   ในวันฟังคำพิพากษา ส่วนมากจะเป็นขั้นตอนที่เกิดหลังจากที่การพิจารณาคดีเกี่ยวกับประเด็นในคดีครบถ้วนไปหมดแล้ว ดังนี้ในวันฟังคำพิพากษา ส่วนมากคู่กรณีในคดีก็เพียงแต่มาศาล เพื่อฟังว่าจะตัดสินว่าอย่างไรบ้าง

                   แล้วเมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อ        

                   เมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จแล้ว ส่วนมากคู่ความก็จะทำการขอคัดถ่ายคำพิพากษาของศาล เพื่อนำไปศึกษา และดูว่าฝ่ายของตนเองเห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าวหรือไม่อย่างไร

                   ทั้งนี้ หากเป็นการนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น อาจจะยังไม่สามารถขอคัดถ่ายคำพิพากษาได้ในทันที เพราะอาจจะต้องรอให้มีการเรียงพิมพ์คำพิพากษาเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะขอคัดถ่ายได้ ส่วนระยะเวลาจะใช้อีกเท่าใด ก็ต้องสอบถามที่เจ้าหน้าที่ศาลนั้นๆที่เราไปฟังคำพิพากษา

                   แต่หากเป็นกรณีนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนมากที่เห็น คำพิพากษาชั้นอุทธรณ์จะพิมพ์มาเสร็จเรียบร้อยแล้ว  คู่ความสามารถขอคัดถ่ายคำพิพากษาในวันดังกล่าวได้เลย แต่ทั้งนี้ ก็ต้องสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

.

 

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม

.

** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2566

เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ จะทำอย่างไร

 เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ จะทำอย่างไร


          โดยส่วนมากแล้ว เรามักจะเห็นกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดไม่ยอมชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามกำหนดนัดกัน

          แต่ก็ยังมีอยู่ ที่บางครั้งเราจะเห็นว่า ลูกหนี้อยากชำระหนี้ตามกำหนด แต่เป็นเจ้าหนี้เสียเองที่ไม่ยอมรับชำระหนี้


          เช่นในกรณีเรื่องทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินต่อกัน คู่สัญญาทำสัญญาต่อกันว่าให้ผู้จะซื้อผ่อนชำระค่าที่ดินเป็นงวดๆไป และเมื่อชำระเงินครบถ้วน ผู้จะขายก็จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อ


          แต่บางครั้ง ก็เกิดปัญหา เช่นเมื่อผู้จะซื้อผ่อนชำระเงินค่าที่ดินให้แก่ผู้จะขายจนเกือบจะครบถ้วน หรือเหลือเพียงงวดสุดท้าย เป็นต้น

          แต่ปรากฏว่าเจ้าหนี้เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากจะขายที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อแล้ว เช่นอาจจะเพราะว่ามีผู้อื่นสนใจ และเสนอราคาค่าที่ดินให้มากกว่าที่ผู้จะซื้อคนเดิมเคยเสนอไว้หรือทำสัญญาต่อกันไว้  จึงอยากจะไปขายให้คนใหม่  หรืออาจเพราะที่ดินมีปัญหาไม่สามารถโอนให้ได้


          บางครั้งเจ้าหนี้จึงเลือกที่จะไม่ยอมรับชำหนี้ตามกำหนดที่ตกลงกันไว้  ซึ่งหลายครั้งการชำระหนี้และรับชำระหนี้ก็จะกระทำกันเพียง ๒ คน คือผู้จะขายและผู้จะซื้อเท่านั้น

          และเมื่อลูกหนี้ขอชำระหนี้ในวันที่กำหนด แต่เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ อีกทั้งบางครั้ง การที่เจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับชำระหนี้นั้น ทางลูกหนี้ก็ไม่มีเอกสารใดๆที่จะมายืนยันได้ว่าเจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับชำระหนี้ และอาจจะถูกกล่าวหาได้ว่าลูกหนี้เอง เป็นฝ่ายที่ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ซึ่งนั่นจะทำให้ลูกหนี้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเสียเอง


          ดังนั้น วิธีการหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ในกรณีนี้ ก็คือ การวางทรัพย์ ณ ที่สำนักงานวางทรัพย์ ซึ่งส่วนมากจะตั้งอยู่ที่เดียวกันกับสำนักงานบังคับคดี

          อนึ่ง เมื่อลูกหนี้นำเงินหรือทรัพย์สินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ภายในกำหนดเวลาในสัญญาแล้ว เพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ก็ย่อมถือได้ว่าลูกหนี้ได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาแล้ว  แม้เจ้าหนี้จะไม่ได้มารับชำระหนี้ภายในวันดังกล่าว ก็ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัดหรือผิดสัญญาแต่อย่างใด

          ทั้งนี้ เมื่อลูกหนี้วางทรัพย์ที่สำนักงานวางทรัพย์แล้ว ก็ต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังเจ้าหนี้ให้รับรู้ถึงการวางทรัพย์หรือการชำระหนี้นั้นด้วย

 

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 

มาตรา ๓๓๑  ถ้าเจ้าหนี้บอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ก็ดี หรือไม่สามารถจะรับชำระหนี้ได้ก็ดี หากบุคคลผู้ชำระหนี้วางทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้แล้ว ก็ย่อมจะเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้ได้ ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่บุคคลผู้ชำระหนี้ไม่สามารถจะหยั่งรู้ถึงสิทธิ หรือไม่รู้ตัวเจ้าหนี้ได้แน่นอนโดยมิใช่เป็นความผิดของตน

มาตรา ๓๓๓  การวางทรัพย์นั้นต้องวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์ประจำตำบลที่จะต้องชำระหนี้

ถ้าไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับเฉพาะการในเรื่องสำนักงานวางทรัพย์ เมื่อบุคคลผู้ชำระหนี้ร้องขอ ศาลจะต้องกำหนดสำนักงานวางทรัพย์ และตั้งแต่งผู้พิทักษ์ทรัพย์ที่วางนั้นขึ้น

ผู้วางต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้ทราบการที่ได้วางทรัพย์นั้นโดยพลัน


 

หมายเหตุ * บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ผลทางกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติทางกฎหมายจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง หากข้อเท็จจริงแตกต่างไป วิธีปฏิบัติและผลย่อมแตกต่างไปด้วย หากต้องการปรึกษากฎหมาย หรือคดีความ กรุณาสอบถามทนายความเพิ่มเติม


** ทนายเชียงใหม่ ทนายความเชียงใหม่ ปรึกษากฎหมาย ปรึกษาคดีความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร